top of page

The Unplugging Paradox

ยิ่งพัก ยิ่งเก่ง แต่กลับโดนลงโทษ?

The Unplugging Paradox.png

       ในโลกการทำงานยุคปัจจุบัน ที่คำว่า ‘Work-Life Balance’ กลายเป็นวลีที่เราได้ยินกันจนชินหู หลายองค์กรก็ตระหนักดีว่า การสนับสนุนให้พนักงานมีความสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงานนั้น ส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม ลดภาวะหมดไฟ และช่วยรักษาพนักงานที่มีคุณภาพไว้กับองค์กรได้ยาวนานยิ่งขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภายใต้นโยบายที่ดูเหมือนจะสนับสนุนการพักผ่อนเหล่านั้น กลับมีการลงโทษทางอ้อมที่ผู้นำมอบให้กับพนักงานที่เลือกที่จะ ‘ถอดปลั๊ก’ จากงานในช่วงเวลาพักผ่อน เพียงเพราะพวกเขาไม่ได้แสดงออกถึงความทุ่มเทเหมือนคนที่ทำงานตลอดเวลา

       ผลการศึกษาที่น่าสนใจจากการทดลองกว่า 16 ครั้ง โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 7,800 คน นักวิจัยได้ทำการทดลองโดยให้ผู้จัดการประเมินโปรไฟล์ของพนักงานสองคนที่มีผลงานเท่าเทียมกัน แต่มีสิ่งที่แตกต่างกันคือ พนักงานคนหนึ่งเลือกที่จะตัดขาดจากงานในช่วงนอกเวลา (เช่น ตั้งระบบตอบกลับอีเมลอัตโนมัติในช่วงวันหยุด) ในขณะที่อีกคนไม่ได้ทำเช่นนั้น ซึ่งผลการศึกษาพบว่า แม้ผู้จัดการจะมองว่า พนักงานที่สามารถตัดขาดจากงานในช่วงพักผ่อนกลับมาทำงานด้วยพลัง และความคิดสร้างสรรค์ที่สดใหม่มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ประเมินว่าพนักงานคนนั้นมีความทุ่มเทน้อยกว่า และไม่เหมาะสมที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเท่ากับพนักงานที่ดูเหมือนจะพร้อมทำงานอยู่เสมอ แม้ว่าพนักงานที่เลือกพักผ่อนจะมีผลงานที่ดีกว่า เป็นลูกน้องโดยตรง หรือมีเหตุผลที่สมควรในการตัดขาดจากงานก็ตาม อีกทั้งอคติเหล่านี้มักมาจากผู้จัดการที่บอกว่าให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance 

       รากของปัญหามาจากการที่ผู้นำหลายคนมักจะตีความ ‘ความพยายาม’ และ ‘ความมุ่งมั่น’ จากสิ่งที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น การตอบอีเมลนอกเวลางาน การไม่เคยลาพักร้อน หรือการอยู่ทำงานล่วงเวลา สิ่งเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความทุ่มเทที่สูงกว่า ในทางตรงกันข้าม พนักงานที่ให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance กลับถูกมองว่ามีความมุ่งมั่นน้อยกว่า แม้ว่าผลลัพธ์ของงานที่พวกเขาทำจะไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยก็ตาม ความขัดแย้งทางความคิดนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และค่อย ๆ สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นพิษ โดยให้รางวัลแก่ผู้ที่ทำงานตลอดเวลา จนอาจนำไปสู่ผลเสียต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง ภาวะหมดไฟในหมู่พนักงาน และอัตราการลาออกที่สูงขึ้น

 

       เพื่อแก้ปัญหาความเชื่อที่ฝังรากลึกว่าต้องพร้อมทำงานตลอดเวลา ผู้นำองค์กรต้องแสดงความตั้งใจจริงในการส่งเสริม Work-Life Balance ผ่านนโยบายและการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่การสนับสนุนด้วยคำพูดเท่านั้น ควรประเมินผลงานตามผลลัพธ์ ไม่ใช่ตามความพร้อมตลอดเวลา และหลีกเลี่ยงการติดต่อพนักงานนอกเวลางานหากไม่จำเป็น พร้อมมีการชดเชยอย่างเป็นธรรม

       นอกจากนี้ องค์กรควรสร้างนโยบายที่ชัดเจน เช่น ห้ามส่งอีเมลวันหยุด และฝึกอบรมผู้จัดการให้ตระหนักถึงอคติในการประเมิน รวมถึงให้ผู้นำทุกระดับร่วมกันสนับสนุนอย่างจริงจัง เพราะพนักงานที่ดีที่สุดไม่ใช่คนที่ทำงานหนักจนหมดแรง แต่คือคนที่รู้จักพัก เพื่อกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

#Howtochangeth #H2C #Worklife #WorkLifeBalance

อ้างอิง: https://hbr.org/2025/05/research-are-you-penalizing-your-best-employees-for-unplugging?ab=HP-hero-featured-1

13 May 2025

bottom of page